ปี 2562 พี่นาคกลายเป็นหนังผีคละเคล้าตลกโปกฮาที่ประสบความสำเร็จอย่างถล่มทลาย เปลี่ยนเป็นภาพยนตร์ไทยที่ทำรายได้เกิน 150 ล้านบาทในปีดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้น ทำให้โครงการสร้างภาคต่อตามมา ในปี 2563 และก็ยังคงประสบผลสำเร็จเหมือนเคย ด้วยเหตุผลดังกล่าวจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ภาค 3 จะตามออกมาโกยเงินจากผู้ชมอีกที
มีการเผยประเด็นหลักในหนังพี่นาคทุกภาค หากไม่ต้องการโดนสปอยล์กรุณาปิดบทความนี้
ตลอดระยะเวลา 3-4 ปีที่ผ่านมา ดูอย่างกับว่าหนังไทยที่พอจะสร้างภาคต่อ และก็มีจักรวาลเป็นของตนเองนั้นเป็นหนังอย่างไทบ้าน เดอะซีรีส์ ซึ่งภาคปัจจุบันอย่างแพทย์ปลาวาฬก็เพิ่งจะเข้าฉายในโรงภาพยนตร์เมื่อไม่กี่อาทิตย์ก่อน จะว่าไปแล้วความเหนียวแน่นของกลุ่มผู้ชมที่เป็นแฟนหนัง ก็จัดได้ว่าเป็นองค์ประกอบหนึ่งในการบรรลุเป้าหมายอยู่ไม่น้อย และถึงแบบงั้น ดูเหมือนหนังอย่างพี่นาคเอง ก็จะมีส่วนประกอบด้ามจับตลาดผู้ชมในสมัย Youtuber รวมทั้ง Tiktok แบบอยู่หมัดอยู่เช่นกัน
จะว่าไปเมื่อพวกเราย้อนกลับไปที่การบรรลุเป้าหมายของ “พี่นาค” ภาคแรกนั้น จัดว่าบริษัทหนังอย่างไฟว์สตาร์โปรดักชั่น เองก็ตัดสินใจเลือกนักแสดงนำจากการนำยูทูบเบอร์ที่เป็นกระแสในห้วงเวลานั้นอย่าง เอม-นักปราชญ์ รัตนบุญบารมี หรือ เอม ตามใจตุ๊ด ซึ่งมียอดทิวทัศน์ในแต่ละคลิปทะลุหลักล้าน โดยตัวเลขพวกนี้คงจะพอการันตีให้กับนักลงทุนได้ ว่าถ้าเลือกเขามารับบทนำ แฟนรายการของเอมก็คงจะมีความรู้สึกสนใจแล้วก็อยากจะชมการแสดง หนัง รีวิว และรายได้ของหนังภาคแรกก็คือคำตอบทั้งหมดทั้งปวง
ไม่ใช่แค่นักเพียงดารานำแค่นั้น องค์ประกอบหนังแนวขำขันวิ่งหนีผี นับว่าเป็นหนังที่ผู้ชมคนไทยให้การตอบรับอยู่ตลอด นอกจากนั้นคงจำเป็นต้องสารภาพว่าวิธีการดูแลเรื่องราวของ ไมค์-ภณธฤต โชติกฤษฎางาม สามารถหลอมรวมความขบขันในสถานการณ์วาบป่วง กับฉากบรรยากาศขมุกขมัวชักชวนหลอนได้อย่างน่าสนใจ ซึ่งในหลายๆครั้งหากหนังประเด็นนี้เปลี่ยนร่างเป็นหนังสยองขวัญแบบเต็มสตรีม อาจจะมีความมืดหมองและถึงเลือดถึงเนื้อมากยิ่งกว่าที่เราได้มองเห็นอย่างแน่แท้
อีกหนึ่งความน่าดึงดูดใจของพี่นาค คือการจับเอาใจความสำคัญเรื่องผีไม่กลัวพระ รวมทั้งความเชื่อหัวข้อการบวชพระ เอามาบอกเล่าได้อย่างน่าสนใจขึ้นเรื่อยในแต่ละภาค ไม่ว่าจะเป็นภาคแรกที่ตัวละครของออกัส-วชิรวิชญ์ กว้างใหญ่ไพศาลกุลวงศ์ ถูกบิดาบังคับให้บวช ทั้งๆที่ตนเองไม่อยากจะมาอยู่ในวัด แต่ว่าแล้วระหว่างทาง (รวมทั้งระหว่างหนีผี) เขาก็ได้รับโอกาสสำหรับเพื่อการทำความเข้าใจที่จะอยู่ภายใต้ผ้าเหลือด้วยความเข้าใจ และก็หนังยังอาศัยการเปรียบเทียบระหว่าง “ผี” รวมทั้ง “คน” ที่ข้างแรกต้องการจะบวชแต่ว่าไม่มีช่องทาง ในขณะที่อีกฝั่งได้โอกาสแต่ไม่ใส่ใจ